วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ขอนแกน


10.มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในปี พ.ศ. 2484 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โดยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายและโครงการที่จะขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่ส่วนภูมิภาค สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่ในระหว่างนั้น ได้เกิดสงครามเอเชียบูรพา จึงทำให้การจัดตั้งมหาวิทยาลัยยุติลงในปี พ.ศ. 2503 รัฐบาลซึ่งมี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการทบทวนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนี้อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 จึงได้มีมติให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูง ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ขึ้น ที่จังหวัดขอนแก่น เสนอชื่อสถาบันแห่งนี้ว่า "สถาบันเทคโนโลยีขอนแก่น" หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อสถาบันนี้เป็น "มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" เนื่องจากขณะนั้นยังไม่มีหน่วยราชการใด ที่จะรับผิดชอบการดำเนินการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยตรง รัฐบาลจึงได้มีมติให้สภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบในด้านการหาสถานที่ จัดร่างหลักสูตร ตลอดจนการติดต่อความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ในปี พ.ศ. 2506 คณะรัฐมนตรีมีมติให้เปลี่ยนชื่อ เป็น "มหาวิทยาลัยขอนแก่น" ตามชื่อเมืองที่ตั้ง และได้โอนกิจการจากสำนักงานสภาการศึกษาแห่งชาติไปเป็นของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี พ.ศ. 2508 ปีถัดมาคือ พ.ศ. 2509 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 ซึ่งถือเป็น วันสถาปนามหาวิทยาลัย อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัย จอมพล ถนอม กิตติขจร และนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นในขณะนั้น ได้ประชุมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น และพิจารณาแต่งตั้งให้
1. พณ พจน์ สารสิน    เป็นอธิการบดี
2. ศาสตรจารย์ พิมล กลกิจ  เป็นรองอธิการบดี ผู้รักษาการคณบดีคณะวิทยาศาสตร์-อักษรศาสตร์ และผู้รักษาการคณบดีเกษตรศาสตร์
3. ดร. วิทยา เพียรวิจิตร
   เป็นผู้รักษาการคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ 

มหิดล


9.มหาวิทยาลัยมหิดล
เมื่อพ.ศ. 2432-พ.ศ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนแพทย์ขึ้น ณ โรงศิริราชพยาบาล โดยมีชื่อว่า โรงเรียนแพทยากร และเมื่อ พ.ศ. 2443 - พ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดตึกโรงเรียนแพทย์ และพระราชทานนามโรงเรียนแพทยากรใหม่ว่า โรงเรียนราชแพทยาลัย เมื่อถึงพ.ศ. 2486 - พ.ศ. 2512 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้รับการสถาปนาขึ้น โดยแยก คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาตั้งเป็นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในช่วงนี้ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้จัดตั้งและโอนคณะต่างๆ มากมาย
                เมื่อพ.ศ. 2512-ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์ โดยจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ เรียกว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" มีขอบเขตดำเนินงานกว้างขวางยิ่งขึ้น ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นชื่อมหาวิทยาลัยแทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม ในช่วงนี้มีการจัดตั้งคณะต่าง ๆ อีกมากมายเพื่อให้ครอบคลุมทุกสาขาวิชาทั้งสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

เกษตรศาสตร์


8.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. 2478 โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมในภูมิภาคต่างๆ ได้ปิดตัวลงตามข้อบังคับของการปรับเปลี่ยนระบบราชการในขณะนั้น จึงได้มีการยุบรวมโรงเรียนในส่วนภูมิภาคทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน หลวงอิงคศรีกสิการ หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ และพระช่วงเกษตรศิลปการ (สามบูรพาจารย์ผู้ให้กำเนิดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)  จึงเสนอให้รักษาโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม (ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแม่โจ้)ไว้ที่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เพียงแห่งเดียว และเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น "โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม" ต่อมาจึงได้มีการยกฐานะของโรงเรียนจนก่อตั้งเป็น "วิทยาลัยเกษตรศาสตร์" มีฐานะเป็นกองวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในกรมเกษตรและประมง ตามความต้องการของกระทรวงเกษตราธิการ ต่อมากระทรวงเกษตราธิการได้จัดตั้งสถานีเกษตรกลางขึ้นในท้องที่ อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานคร) ดังนั้น จึงได้ย้ายวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาตั้งอยู่ที่ อ. บางเขนในปี พ.ศ. 2481 และให้ส่วนราชการที่ อำเภอสันทราย เป็น "โรงเรียนเตรียมเกษตรศาสตร์" เพื่อเป็นการเตรียมนิสิตให้วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ อำเภอบางเขนต่อไป
ในปี พ.ศ. 2486 วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" ในรัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ และให้แต่งตั้งข้าราชการประจำ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาวิทยาลัย หลวงสินธุสงครามชัย ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรก มีการเปิดสอนใน 4 คณะ คือ โดยมี คณะกสิกรรมและสัตวบาล คณะการประมง คณะวนศาสตร์ และคณะสหกรณ์ เป็นคณะแรกตั้ง (ในปัจจุบันคือ คณะเกษตร คณะประมง คณะวนศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และ คณะบริหารธุรกิจ)

บริหารธุรกิจศศินทร์


7.บัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป็นสถาบันที่เปิดทำการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษา(นานาชาติ) ทางด้านบริหารธุรกิจ การตลาด การจัดการ และสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือกันระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย The Kellogg School of Management ของมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น และ Wharton School ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นอกจากนี้ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ยังเป็นสถาบันแห่งแรกในไทยที่ได้รับการรับรองจาก the Assocication to Advace Collegiate Schools of Business (AACSB) ด้วย
ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2525 สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีมติให้จัดตั้ง "สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ขึ้น ต่อมา ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "ศศินทร์" เป็นชื่อสถาบัน โดยมีที่มาจากคำในภาษาสันสกฤต 2 คำ ได้แก่ "ศศ" หมายถึง กระต่าย ซึ่งเป็นปีนักษัตรที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชสมภพ และ "อินทร์" หมายถึง หัวหน้าหรือผู้เป็นใหญ่ ดังนั้น ศศินทร์ จึงหมายความว่า หัวหน้าของเหล่ากระต่าย นอกจากนี้ ยังพระราชทานนาม "ศศปาฐศาลา" เป็นชื่ออาคารเรียน และ "ศศนิเวศ" เป็นชื่อหอพักนานาชาติด้วย

เชียงใหม่


6.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาคเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เรียกชื่อตามชื่อเมือง ปี พ.ศ. 2484 เมื่อพ.ศ. 2503 รัฐบาลชุด จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ลงมติอนุมัติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เรียกชื่อมหาวิทยาลัยนี้ว่า"มหาวิทยาลัยเชียงใหม่" ได้เปิดการสอนเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2507 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธาน ในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2508 ในระยะเริ่มต้นได้เปิดดำเนินการสอนเพียง 3 คณะคือ คณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ได้รับโอนกิจการคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ จาก มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มาเป็นคณะแพทยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปีเดียวกันได้เริ่มจัดตั้งคณะเกษตรศาสตร์ขึ้นและในปีต่อๆมาได้มีคณะต่างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปีพ.ศ. 2549 ได้มีทั้งหมด 21 คณะ โดย การประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยของไทย สกอ ได้จัดให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อยู่ในกลุ่ม ดีเลิศ ทั้งการเรียนการสอน และการวิจัย
ในปี พ.ศ. 2550 ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ผ่าน สนช. และพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2551 เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐลำดับที่ 12  และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2551 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ

อัสสัมชัญ


5.มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
นับเป็นเวลากว่า 100 ปี ที่มูลนิธิเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยได้ริเริ่มดำเนินการจัดตั้งสถาบันศึกษาขึ้นในประเทศไทย และดำเนินการสอนมุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา ในปี พ.ศ. 2512 มูลนิธิฯได้ขยายการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอนแห่งแรกของประเทศไทยขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Assumption School of Business” (ASB) ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 สถาบันได้รับการรับรองอย่าง เป็นทางการและใช้ชื่อใหม่ว่าวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ” (Assumption Business Administration College-ABAC) ซึ่งเน้นให้จัดการเรียนการสอน การค้นคว้าวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่สังคม รวมถึงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 22 พฤษภาคม 2533 ทบวงมหาวิทยาลัยก็อนุมัติให้เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย และใช้ชื่อว่ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” (Assumption University- Au) จนทุกวันนี้
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเป็นหนึ่งใน 15 สถาบันการศึกษาของมูลนิธิฯ ซึ่งมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะจัดการศึกษาให้บรรลุถึงความเป็นเลิศทางวิชาการและพัฒนากิจกรรมทางด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยประกอบด้วยนักศึกษาและคณาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมากกว่า 80 ประเทศและประกอบด้วย2วิทยาเขต คือ วิทยาเขตหัวหมาก และวิทยาเขตสุวรรณภูมิ